พิธีราชาภิเษก เป็นพิธีการเพื่อสถาปนาพระมหากษัตริย์ และ/หรือ คู่อภิเษกซึ่งมีพระราชอำนาจ อย่างเป็นทางการ เกี่ยวข้องกับการวางมงกุฎบนพระเศียรของพระองค์หรือการนำเสนอเครื่องราชกกุธภัณฑ์รายการอื่น โดยพิธีการนี้อาจหมายรวมถึง การตรัสคำปฏิญาณพิเศษโดยกษัตริย์ การแสดงคารวะจากคนในบังคับ ของผู้ปกครองใหม่ และการแสดงพิธีกรรมอื่น ซึ่งมีความสำคัญพิเศษต่อชาตินั้นๆ
ลำดับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระราชาธิบดีชาลส์ที่ 3
เส้นทางขบวนเสด็จกษัตริย์-พระราชินี แห่งอังกฤษ ไปยังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์
การเฉลิมฉลองอย่างเป็นทางการจะเริ่มขึ้น ด้วยการเคลื่อนขบวนเสด็จจากพระราชวังบักกิงแฮมไปยังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ในช่วงเวลาก่อน 11.00 น. เล็กน้อย (ก่อนเวลา 17.00 น. ตามเวลาในไทย) แต่จะเปิดพื้นที่เฝ้าชมขบวนเสด็จสองข้างทางให้ประชาชนได้เข้าจับจองตั้งแต่เช้าตรู่ราว 6.00 น
เคลื่อนขบวนเสด็จไปยังมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์
เมื่อเวลา 10.20 น. ตามเวลามาตรฐานอังกฤษ (BST) ขบวนเสด็จของสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่สาม และสมเด็จพระราชินีคามิลลา ซึ่งประทับในราชรถพัชราภิเษก ได้เริ่มเคลื่อนออกจากพระราชวังบักกิงแฮม
โดยขบวนจะเคลื่อนผ่านถนนเดอะมอลล์ด้านหน้าพระราชวัง ก่อนเข้าสู่ถนนไวต์ฮอลล์และถนนรัฐสภา ก่อนจะไปถึงมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ก่อนเวลา 11.00 น. เล็กน้อย (17.00 น. เวลาไทย)
เสด็จฯ เข้าสู่มณฑลพิธี ทางประตูทิศใต้ของมหาวิหาร
สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่สามและสมเด็จพระราชินีคามิลลา เสด็จถึงมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ทางประตูใหญ่ด้านทิศใต้ โดยก่อนหน้านั้น เจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์พร้อมด้วยพระโอรสและพระธิดา รวมทั้งเจ้าชายแฮร์รี ดยุคแห่งซัสเซกซ์ ได้เสด็จเข้าสู่มณฑลพิธีด้านในเรียบร้อยแล้ว พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์พระองค์อื่นๆ เช่น ดยุกแห่งยอร์ก เจ้าชายเอ็ดเวิร์ด และเจ้าหญิงแอนน์
พิธีรับรองความเป็นกษัตริย์
เมื่อเสด็จเข้าสู่มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์แล้ว กษัตริย์พระองค์ใหม่และสมเด็จพระราชินีเสด็จไปยังพระราชอาสน์แห่งฐานันดร เพื่อประกอบพิธีรับรองความเป็นกษัตริย์โดยอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอเบอรีและองค์กษัตริย์จะหันไปยังทิศทั้ง 4 ของมหาวิหาร
พร้อมป่าวประกาศว่าสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 คือ “กษัตริย์พระองค์ใหม่ของพวกเรา อย่างไม่ต้องสงสัย” จากนั้นผู้เข้าร่วมพิธีแต่ละทิศจะขานรับว่า “พระเจ้าทรงคุ้มครองพระราชา”
เริ่มถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์
หลังทรงฉลองพระองค์ในชุดที่เป็นสัญลักษณ์ของนักบวชแล้ว อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอเบอรีถวายเดือยรองเท้าขี่ม้าและพระแสงดาบเป็นอันดับแรก อันเป็นสัญลักษณ์ของพระราชอำนาจและความเป็นอัศวิน
ในการนี้บุคคลสำคัญซึ่งเป็นผู้แทนจากองค์กรศาสนาต่างๆ และผู้แทนสตรีได้ร่วมถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์อื่นๆ เช่น กำไลและฉลองพระองค์คลุม ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการปฏิบัติเช่นนี้ในประวัติศาสตร์อังกฤษ
ถวายการสวมพระมหามงกุฎ
นักบวชจะถวายการสวมหรือวางพระมหามงกุฎเซนต์เอ็ดเวิร์ดลงบนพระเศียรของกษัตริย์ ซึ่งตลอดพระชนม์ชีพพระองค์จะได้ทรงพระมหามงกุฎนี้เพียงครั้งเดียว ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเท่านั้น
เหล่าพระราชวงศ์และขุนนางจะสวมจุลมงกุฎของตนเอง จากนั้นเปล่งเสียงถวายพระพร “พระเจ้าทรงคุ้มครองพระราชา” โดยพร้อมเพรียงกัน
ประทับบนพระราชบัลลังก์
กษัตริย์พระองค์ใหม่เสด็จจากพระราชอาสน์เซนต์เอ็ดเวิร์ด ไปประทับบนพระราชบัลลังก์กลางมหาวิหาร โดยอาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอเบอรีกล่าวเตือนให้ทรงยืนหยัดหนักแน่นในพระราชบัลลังก์อันเป็นสิทธิโดยชอบธรรมของพระองค์ ก่อนกล่าวถวายความจงรักภักดีต่อกษัตริย์และพระรัชทายาท
เจ้าชายแห่งเวลส์ องค์มกุฎราชกุมาร ทรงเข้าเฝ้าถวายความจงรักภักดีในลำดับถัดมา โดยทรงปฏิญาณว่าจะรับใช้และสละพระชนม์ชีพเพื่อพระราชบิดา
ในการนี้ประชาชนที่รับชมพระราชพิธีทางโทรทัศน์ทั่วราชอาณาจักร สามารถร่วมกล่าวถวายความจงรักภักดีไปพร้อมกันได้ ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติใหม่ที่เดิมจะมีเพียงชนชั้นปกครองเท่านั้นที่กล่าวถวายความจงรักภักดีนี้
พระราชพิธีสำหรับสมเด็จพระราชินี
ขั้นตอนดำเนินมาถึงพระราชพิธีอภิเษกหรือการสถาปนาแต่งตั้งสมเด็จพระราชินี โดยนักบวชจะเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ ถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์สำหรับพระอัครมเหสี และถวายการสวมพระมหามงกุฎควีนแมรี พิธีการขั้นตอนต่างๆ จะเรียบง่ายกว่าพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์ ทั้งไม่ทรงต้องกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณตามแบบของกษัตริย์ด้วย
เจ้าชายแห่งเวลส์ทรงจุมพิตพระราชบิดา
ช่วงเวลาแห่งความประทับใจ เมื่อเจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ ทรงจุมพิตพระราชบิดาระหว่างพิธีถวายความจงรักภักดีบนพระราชบัลลังก์
เสด็จกลับพระราชวังบักกิงแฮม
กษัตริย์และราชินีพระองค์ใหม่ทรงเปลี่ยนเครื่องทรง ภายในโบสถ์น้อยเซนต์เอ็ดเวิร์ดของมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ โดยเปลี่ยนมาทรงพระมหามงกุฎอิมพีเรียล จากนั้นประทับในราชรถทองคำ เพื่อเสด็จกลับไปยังพระราชวังบักกิงแฮม โดยมีการบรรเลงเพลงชาติของสหราชอาณาจักร God Save the King ส่งท้าย
เจ้าชายแห่งเวลส์และพระชายา รวมทั้งพระโอรสและพระธิดาคือเจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ และเจ้าชายลูอีส์ ทรงร่วมในขบวนเสด็จขากลับนี้ด้วย โดยประทับในราชรถที่แล่นตามหลังราชรถทองคำ
กระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักรระบุว่า ได้ใช้กำลังทหารเกือบ 4,000 นายจากทุกเหล่าทัพ เพื่อเข้าร่วมใน “ปฏิบัติการเชิงพิธีการ” ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในชั่วอายุคนรุ่นหนึ่ง
รวมภาพความประทับใจในขบวนราชรถทองคำ
กษัตริย์และราชินีพระองค์ใหม่ที่เพิ่งผ่านการประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เสด็จกลับพระราชวังบักกิงแฮม เพื่อเสด็จออกสีหบัญชรทักทายพสกนิกรที่มารอเฝ้าต่อไป
ทรงรับการวันทยาหัตถ์ถวายความเคารพ
สมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 เสด็จออกทางประตูตะวันตกของพระราชวังบักกิงแฮม เพื่อทรงรับการวันทยาหัตถ์ถวายความเคารพ และการเปล่งเสียงถวายความจงรักภักดีจากกองทหารรักษาพระองค์ โดยทรงฉลองพระองค์คลุมและฉลองพระองค์ของบุรุษแบบโบราณ ที่เคยเป็นของพระเจ้าจอร์จที่ 6 พระอัยกามาก่อน
ประชาชนรีบเข้าจับจองที่ รอชมการเสด็จออกสีหบัญชร
ประชาชนที่เฝ้าชมขบวนเสด็จอยู่ที่สองข้างทางของถนนเดอะมอลล์ พากันเคลื่อนย้ายข้าวของลงไปเดินบนถนน และรีบมุ่งไปยังลานหน้าพระราชวังบักกิงแฮม เพื่อจับจองที่ชมการเสด็จออกสีหบัญชร และการบินถวายพระเกียรติจากทุกเหล่าทัพ ซึ่งจะมีขึ้นในอีกไม่กี่สิบนาทีข้างหน้านี้
การเสด็จออกสีหบัญชร หลังเสร็จสิ้นการประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ถือเป็นธรรมเนียมที่พระราชวงศ์อังกฤษทรงยึดถือปฏิบัติมาโดยตลอด นับตั้งแต่การขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 ในปี 1902 โดยเป็นโอกาสที่จะได้ทรงพบปะทักทายเหล่าพสกนิกร ซึ่งมารวมตัวกันที่ถนนเดอะมอลล์ด้านหน้าพระราชวังบักกิงแฮม
พระบรมวงศานุวงศ์ที่ร่วมในการเสด็จออกสีหบัญชรในครั้งนี้ ได้แก่เจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์พร้อมด้วยพระโอรสและพระธิดา พระราชวงศ์ที่ยังทรงงานอย่างเป็นทางการรวมทั้งหลานๆ และพระญาติฝ่ายสมเด็จพระราชินีคามิลลา
ส่วนเจ้าชายแฮร์รี ดยุคแห่งซัสเซกซ์ ซึ่งเสด็จร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเพียงลำพังโดยไม่มีพระชายาเคียงข้างนั้น ไม่ได้ร่วมในการเสด็จออกสีหบัญชรครั้งนี้ด้วย โดยมีรายงานว่าอาจเสด็จกลับสหรัฐอเมริกาแล้ว หลังพระราชพิธี ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์สิ้นสุดลง
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระราชาธิบดีชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร โดยกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 และสมเด็จพระราชินีคามิลลา ทรงได้รับการสวมพระมหามงกุฎพร้อมกัน ณ มหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ถือเป็นพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแรกของสหราชอาณาจักรในรอบ 70 ปี เป็นการจัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่ กษัตริย์พระองค์ใหม่นั้นถือเป็นพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษลำดับที่ 40 ที่ได้ประกอบพิธีราชาภิเษกในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ใจกลางกรุงลอนดอน กระทรวงกลาโหมของสหราชอาณาจักรระบุว่า ได้ใช้กำลังทหารเกือบ 4,000 นายจากทุกเหล่าทัพ เพื่อเข้าร่วมใน “ปฏิบัติการเชิงพิธีการ” ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในชั่วอายุคนรุ่นหนึ่ง
ติดตามอ่านเรื่องราวรอบโลกได้ที่ aegaming369.com
แหล่งที่มา
https://www.bbc.com/thai/live/international-65453681